เตรีมตัวก่อนเป็นเกษตรกรพาร์ทไทม์

รูปภาพของ ปัทมพงษ์

วันนี้อยากเขียนเล่าเรื่องราวความเป็นไปของบ้านสวนพชร ผมเองซื้อที่ดินแห่งนี้เพราะต้องการพิสูจน์ว่า คนเราสามารถพึ่งพาตนเองได้หรือไม่ โดยพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด การทำทุกอย่างเองหมดทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง สิ่งหนึ่งที่อยากบอกกับคนที่เข้ามาชมเวปแห่งนี้ว่า การที่คิดจะเป็นเกษตรกร อันดับแรกใจต้องรักในการปลูกแต่มันอาจจะไม่เพียงพอเพราะว่าเกษตร ใช้ทุกวิชาที่มีมาประยุกต์ทำงานหมด เวลาผ่านไปเกือบ3 ปีตั้งแต่ซื้อที่ผืนนี้มา ผมได้เห็นหลายอย่างหลายเรื่องราวเพื่อนทั้งจากเกษตรพอเพียง ทั้งที่เรียนมาด้วยกัน ทั้งที่ทำงานปัจจุบัน หลายคนอยากเป็นอย่างผม อยากมีที่ดินแต่การมีที่ดินมันไม่ได้จบตรงคำว่าเกษตรกร ได้มาแล้วทำอย่างไร ได้มาแล้วปลูกอะไร ดำเนินการอย่างไร อันนี้ผมว่าหลายคนอาจจะยังไม่คิดหรือคิดแล้ว และท้อไปแล้ว ได้มาแล้วรักษาไว้อย่างไร

หลายคนที่ซื้อแบ่งกันไม่มาทำอะไรเลย ไม่แม้กระทั่งมาดู บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าซื้อไว้ทำไม หรือเก็งกำไร คนกรุงเทพส่วนใหญ่สบายมากไป เกินกว่าจะไปลำบาก บางคนไม่ปลูกต้นไม้เองด้วยซ้ำ บางคนปลูกนิดเดียวขุดหลุม 1-2 หลุมมือก็พองละ เพราะฉะนั้นเกษตรกร ต้องมีอีกหลายอย่างที่คนกรุงไม่มี คือ ความอดทน ขยัน การทำเกษตรที่ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ทำ ใช้เงินมาก เจ้าของคอยบริหารจัดการมันก็เป็นวิถีทางหนึ่งแต่ มันก็ไม่ต่างอะไรกับนายทุน สุดท้ายก็ไม่พอเพียง

ผมเป็นตัวอย่างเศษเสี้ยวเพียงน้อยนิดของคนทำเกษตร ผมอาาจะมีต้นทุนชีวิตหลายด้านมากกว่าคนอื่น แต่ไม่ใช่คนอื่นทำอย่างผมไม่ได้ ผมอยากให้หลายคนที่คิดจะเป็น กำลังเป็น หรือทำเกษตรไปแล้ว กลับมามองการพึ่งตนเอง เรียนรู้ที่จะทำเอง ขุดปลุกความสามารถในตัวเองออกมาทำ ถามว่าเพื่อใคร อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อความภูมิใจที่สามารถทำได้ พ่อผมสอนให้ทำอะไรเองมาตั้งแต่เด็กๆ ด้านงานช่าง ไปเป็นลูกมือเขา ด้วยความซนสมัยเด็กทำให้ได้เรียนรู้และสั่งสมมาใช้ทุกวันนี้ บ้านผมมีผมผู้ชายคนเดียว พ่อผมออกเรือไปทำงานบนเรือ 21 วัน พัก 7 วันขณะพ่อไม่อยู่ผมต้องหัดทำอะไรหลายอย่างซ่อมแซมบ้าน ซ่อมไฟฟ้า หาฟืน ตกปลา ความลำบากในตอนเด็กทำให้เราได้ซึมซับวิชาความรู้มากมาย การทำอะไรคนเดียว คิดหาเครื่องทุ่นแรง มันทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น พี่สาว 2 คนและน้องสาวผม พวกเราจะแตกต่างเรื่องพวกนี้จากคนอื่นมาก ถึงเขาจะเป็นผู้หญิงแต่ ทั้งหมดทุกคนก็ทำอะไรได้หลายอย่างเกินกว่าผู้หญิงทั่วไปจะทำได้ ทั้งหมดนี้ทำให้เราเเกร่ง และอยู่ในโลกกว้าง เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยพึ่งใคร

ความพยายามและมุ่งมั่นไม่ย่อท้อก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผู้ที่จะเป็นเกษตรกรพึงระลึกไว้เสมอ เมื่อไรที่เราท้อ เมื่อนั้นเท่ากับเราถอยหลัง วันนี้เราเหนื่อย พรุ่งนี้เราก็หายเหนื่อย งานที่ทำ ของที่ทำไม่ได้หายไปไหนวันรุ่งขึ้นก็ยังรอให้เราไปทำ แม้กระทั่งเรื่องถางหญ้าหลายที่ผมเห็นท้อหนักใจกับการเห็นหญ้ารกๆ แต่ในทางกลับกันพี่ที่ทำงานผมกลับมองต่างมุม เขากลับบอกว่าถ้าหญ้าขึ้นได้ แสดงว่าดินมีความอุดมสมบูรณ์ อยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยแหละ ที่ใดที่หญ้าไม่ขึ้น ที่นั้นน่าเป็นห่วงแม้แต่หญ้ายังไม่ขึ้น เป็นแนวคิดที่ดีมากใครที่เข้ามาอ่านขอให้นำไปปรับใช้ ซื้อที่ดินมาเยอะก็ทำไม่ไหว ถางหญ้าไม่ไหว ปลูกต้นไม้ไม่ไหว รดน้ำไม่ไหว เกิดท้อ เป็นวงจรเมื่อเกิดท้อใจก็ไม่อยากไป ผมบอกกับเพื่อนหลายคนว่าเรามีที่ดินเยอะก็ดีแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องพัฒนาทีเดียวให้หมดทั้งแปลงนิ เราทำเฉพาะที่เราไหวก่อนไม่ดีหรือ บางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ เพียงแค่ซื้อที่แล้วแวะเวียนมา เดือนละครั้ง หรือมากกว่านั้นก็ยิ่งดี การจะไปอยู่ในที่แห่งใหม่ไกลจากที่เราเคยอยู่สิ่งหนึ่งที่ต้องเรียนรู้คือสังคม การให้คนรู้จัก หรือ การเปิดตัว ไปแต่ละครั้งไม่มีคำว่าเสียเวลาเปล่า แค่คุณไปให้ชาวบ้านเห็น แค่นี้ก็ทำให้อนาคตคุณจะอยู่สบายเข้ากับเขาได้ง่าย แล้วสิ่งที่ตามมาจะเป็นเรื่องน้ำใจไมตรีที่จะได้รับจากคนต่างจังหวัด สิ่งนี้ซื้อที่แล้วมันไม่ได้ติดโฉนดมานะครับ ต้องสร้างเอาเอง

ผมจะมาพิมพ์บอกเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงที่สวนผมและความคิดผมที่อาจจะปรับเปลียนไปตามสภาพและสถานการณ์ วันนี้ผมจะเริ่มด้วยเรื่องการซื้อที่ดินแล้วจะไปทำตอนแก่ หลายท่าน มีความคิดที่จะซื้อที่ดินในตอนนี้ที่อายุยังไม่มากนัก มันเป็นแนวความคิดที่ดีครับ แต่ทำตอนแก่เนี่ยออกจะคิดผิดไปนิดนึงเพราะ อายุเริ่มเข้า45 ปีโดยประมาณเริ่มมีโรคประจำตัวกันแล้วครับ เมื่อแก่คือเริ่ม 55-60 ปี รับรองครับไม่ไหวแน่คคราวนี้แหละครับเริ่มได้ใช้บุญเก่าละลูกมีหลาน ลูกทำงาน อยากให้พ่อแม่สบาย พ่อจะไปทำไม ที่ห่างไกลความเจริญ เจ็บป่วยใครจะดูแล สุดท้ายเป็นอันว่าไม่ได้ทำครับ เพราะฉะนั้นรูปแบบที่เราเห็นแบบนี้ ชินตามากสำหรับครอบครัวที่เริ่มมีความมั่นคง ถ้าเป็นอย่างนี้ควรทำอย่างไรคือต้องทำตอนนี้เลยครับ ทำตอนที่มีกำลังอยู่เหมือนหยอดออมสิน ทำไปเรื่อยๆ ค่อยๆสะสมไปมีเงินน้อยก็ทำน้อย อย่าทุ่มไปทีเดียวหมด คราวนี้ก็วกกลับมาเรื่องที่ดิน ถ้าใครมีมรดกอยู่ก็ สบายไปครับไอ้ที่ไม่มีก็ต้องหาแหละครับคราวนี้หาที่ดินเหมือนซื้อรถมีคนมากบอกที่โน่นดีที่นี่ดี แต่คนที่แนะนำไม่ได้ไปอยู่กับเรานะครับอย่าลืมข้อนี้ ต้องคิดให้รอบคอบ ซื้อที่ดินอย่าซื้อตามกระแส เช่น เขาใหญ่ ปากช่อง วังน้ำเขียว ถามว่าแถวนั้นเวลาช่วงเทศกาลไปได้ไหมครับ ได้ครับแต่นานมากๆๆๆๆ กว่าจะไปรถติดมาก ระยะทางก็เป็นส่วนหนึ่งนะครับ อย่าให้ไกลมากนักเพราะพลังงานหายากขึ้นต้นทุนในการเดินทางจะสูงครับเราจะไปค่อนข้างลำบาก บางคนไปซื้อที่เขาค้อ เชียงใหม่ เฮ้อ ผมเห็นละหนักใจเเทนครับซื้อเก็งกำไรได้ แต่ซื้อทำกิน ต้องคิดหนักครับ เอาที่ไม่ไกลเกินไปนักพอไปได้บ่อยๆ คราวนี้ก็จะมีคำถามในใจว่าถ้าใกล้ก็แพงใช่ไหมครับ มันก็ไม่เสมอไปครับใกล้ แต่ธรรมชาติยังดี ที่คนมองข้ามไปยังมีอีกมามายลองมองดูให้ดีๆๆครับ หาข้อมูลให้มาก

แรงบันดาลใจของคนที่คิดจะมาทำด้านการเกษตร ผมว่าเต็มเปี่ยมทุกคนในตอนแรก เต็ม 100 ครับเมื่อมาเจออุปสรรค บางอย่าง ขีดจำกัดบางอย่างแล้วทำให้ความตั้งใจมุ่งมั่นลดลงเรื่อยๆจาก 100 เหลือ 90 เหลือ 80 และเหลือ 50 พอเหลือ 50คราวนี้ก็จะไม่ค่อยสนใจแล้วอาาจเรียกได้ว่าเริ่มจะปล่อยละไม่ค่อยไปดูที่แล้ว และเริ่มมีความคิดที่จะขายละ ผมเลยคิดว่ามันเป็นวัฎจักรครับ การที่เราทดลองทำสวนที่บ้านปลูกต้นไม้ที่บ้านแล้วคิดว่าที่สวน หรือที่ไร่ที่เราซื้อไว้มันจะขึ้นเหมือนที่เราปลูกที่บ้าน ผมว่าอย่างนี้ต้องคิดใหม่ละ หลายคนคิดว่าที่บ้านขึ้นตั้งใจเต็มร้อย ปรากฎว่ามีหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน ที่บ้านได้รับน้ำท่าสม่ำเสมอ ที่สวนเทวดาเลี้ยง

ที่บ้านมีร่มเงาบ้านช่วย ที่สวนแดดเต็มๆๆ ใบไหม้เลย อาจจะเกิดท้อละต้องศึกษาครับว่าทำอย่างไร พืชชนิดไหนต้องปลูกยังไง ชอบแสงแดดเท่าไร ที่ที่เราซื้อเป็นแบบไหน ดินเป็นอย่างไร น้ำเป็นอย่างไร ฝนตกชุกไหม เริ่มตกเมื่อไร คำถาม108 1000ประการคำตอบคือต้องไปบ่อยๆๆ ไปอยู่ให้ครบทุกจังหวะของฤดุกาล อันนี้จะช่วยตอบได้ดีที่สุดครับ หลายคนยังอยู่ในวังวนของสิ่งที่เป็นครรลองของสังคมเมืองที่ผมใช้คำนี้เพราะมองให้ดีมีหลายคนอยากทำสวน อยากทำไร่ อยากทำสวนพอเพียง ครรลองของสังคมเมือง เขียนไว้ว่าลูกต้องเรียนโรงเรียนมีชื่อ ต้องซัมเมอร์ เรียนดนตรีเปียโนไวไอลิน พวกนี้แหละครับทำให้เราอยู่ในวังวนของความไม่พอ และไม่หลุดพ้น การแข่งขันเรื่องการเรียนการงาน ฐานะทางสังคม รถใหม่ อะไรพวกนี้ ทำให้หลายคนยังติดอยู่และไม่สามารถมาได้เต็มตัว และเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อครรลองทางสังคมถูก ทำจนครบ กลับมามองที่ตัวเอง อ้าว นี่เราปาเข้าไป 58 ปี แล้วหรือนี่ ก็ทำไม่ไหวละวันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ วันหน้าจะมาบ่นใหม่

อีกแนวทางที่ผมคิดว่าดีมากสำหรับการทำเกษตรแบบ พาร์ทไทม์คือการทำที่บ้านครับ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรดาดฟ้า การปลูกผักในกระสอบ ในยางรถยนต์ หรือการดัดแปลงภาชนะสิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว เอามาปลูกอันนี้ผมชอบมากครับเป็นการดัดแปลง แล้วทำให้เกิดประโยชน์ การประหยัดในครัวเรือนเช่นปลูกตะไคร้ มะกรูด พริก กระเพราะ โหรภา พวกนี้ทำให้ประหยัดรายจ่ายไปเยอะเลยนะครับผมว่าพวกนี้ผู้หญิงทำได้ครับ การจะก้าวออกมาเป็นเกษตรกร จริงๆ เต็มตัว มันยาก กว่าจะไปถึงฝั่งฝันลองทำที่บ้านดูก่อนผมว่าก็เข้าท่าดีนะ

เพิ่งจะมีเวลาได้เขียนตอนนี้ ไม่ค่อยมีเวลาแต่มีเรื่องราวมากมายอยากจะเขียนและบอกไว้เรื่องแรกเรื่องความคืบหน้าของสวน พชร ตอนนี้ก็เป็นสวนดั่งใจหวังไว้แล้วครับ มีบ้าน มีที่นั่งเล่น มีกล้วยออกเครือมากมาย กว่าจะมาถึงวันนี้ผม เห็นหลายคนที่มีความตั้งใจด้วยกันก็เป็น อันม้วนเสื่อกลับบ้านไปมาก หลายเจ้า  ก็ที่ดินเป็นทรัพย์สินอะครับ มีไว้ก็ไม่เสียหลาย บางครอบครัวก็เป็นครอบครัวสุขสันต์ มาครั้งหนึ่ง ต้องมากันหมดบ้านเลยผม ว่าอันนี้ต้องวางแผนให้ดีหน่อย เพราะมาเเล้ว ห้ามปรามลูกก็หมดไปแล้วครับครึ่งค่อนวัน ( จากประสบการณ์ที่เคยเห็นมาจริง )มาบุกเบิกก่อนผมว่าดีที่สุดครับพร้อมแล้วค่อยพา ลูกมาก็เข้าท่าดีนะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่จะซื้อที่ดินทำเกษตร แบบพาร์ทไทม์ เพราะวันหนึ่งๆๆเราไป 1 ครั้งบนที่ดินเราต้องมีความเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นในเวลาที่สั้น จำกัดต้องทำอะไรให้เกิดขึ้นบนที่ดินของเรา ต้องวางแผน จะกั้นรั้ว จะปักเสา จะทำศาลาอะไรก็แล้วแต่ แม้กระทั่งปลูกต้นไม้ เราก็ต้องวางแผนว่าในหนึ่งวัน หรือ 2 วันเราจะไปทำอะไรบ้าง ถ้าที่ดินซื้อแล้วไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่มีเจ้าของมาดู ไม่มีคนมาสนใจคนที่ดูเราก็คือคนในท้องถิ่นนั้น ถ้าเราทำจริงมาจริง ทำเองบ้าง จ้างบ้าง มันก็จะทำให้คนละเเวก นั้นพูดถึงและ มันจะเป็นเกราะป้องกันปัญหาอะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกเยอะ การใช้เงินอย่างเดียวไม่เกิดประโยชน์ ในแง่จิตวิทยาในการอยู่ในที่ต่างถิ่น อย่าให้ใครมองว่าเรารวยจงให้เขามองเราว่าเรามีความพยายาม พร้อมกับมีทุนนิดหน่อย แค่นี้เราก็จะอยู่ในที่ ต่างถิ่นได้แบบกลมกลืน

ได้มีโอกาศเขียนแระวันนี้เพราะเป็นวันสุดท้ายของการทำงานในปี2561นี้มีเรื่องราวมากมายในปีนี้ เกี่ยวกับการเกษตรเกี่ยวกับชีวิตมากมายนักได้สัผ้สกับกลุ่มคนที่ทำการแบ่งแปลงที่ดินเพื่อทำการเกษตร เขาใช้คำนี้กันนะ  แต่อยากวิจารญืในจุดนี้ว่ามันไม่ใช่เลย พวกเขาซื้อที่ดินแปลงใหญ่ไม่ใช่ว่าจะถูกกว่าแปลงเล็กนะมันแพงกว่ามากมายนัก กับการที่ต้องแบ่งแปลงการทำถนนเข้าแปลงเพื่อให้ทุกแปลงมีทางเข้าออก ก้เป็นเบี้ยหัวแตกไปเรื่อย การจะพิสูจน์ว่าทำได้ในที่ดิน 1 ไร่ผมมมองว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ ต้องมาวื้อที่ดินแล้วแบ่งแบบนี้บางคน ทำไรไม่เป็นเลย แค่การเลือกจอบเลือกเสียมยังยากสำหรับคนพวกนี้ เขาไม่ได้พกอะไรมาเลยในชีวิตต้องมีพื้นฐานลองทำมาบ้างอย่างที่ผมเคยบอก การทำงานการเรียนรู้ต้องมีพื้ฐานด้วย ไม่ใช่การจะลงมือทำอะไร ไม่มีความรู้มาบ้างเลย บริเวณเพชรบุรีเป็นพื้นที่เป้าหมายและล่อตาล่อใจสำหรับคนพวกนี้มาก กลุ่มคนแบ่งที่ก็หาทางที่จะติดต่อนายหน้าทั้งที่บางแปลง เข้าไปพัฒนาได้ยากมาก ผมก็อยากดูต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร



กล้วยน้ำว้าพันธุ์ปากช่อง 50 เครือใหญ่ ผลดก< อ่านรายละเอียด>

ความแตกต่างระหว่างชมพูเพชรสายรุ้ง & ชมพู่เพชรสุพรรณ <อ่านรายละเอียด>

 

 ป้าเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยว อยู่กรุงเทพนานๆ ไม่ค่อยได้ ออกแนวพระรามเดินดงอยู่เล็กน้อย นายปัทม์ก็ชอบเที่ยวเหมือนกันแต่เราเที่ยวกันคนละรูปแบบ นายปัทม์มีครอบครัวแล้วไปไหนก็ต้องดูให้สะดวกสบาย แต่สำหรับป้าอ้อนี่นึกไปไหนก็ไปได้ เข้าป่า เที่ยวเมืองล้วนไม่ติดขัด ด้วยเหตุนี้เวลาปลูกต้นไม้ถึงไม่ค่อยจะได้ผล เพราะไม่ค่อยได้รดน้ำดูแล คนเราจะให้ถนัดไปทุกอย่างได้ไง ป้าเลยสร้างมุมในเวปบ้านสวนพชรที่ตัวเองถนัดดีกว่า การได้รู้ ได้เห็นแล้วนำมาให้คนอื่นดู ถือเป็นการแบ่งปันนะคะ ดูภาพกันสวยๆ click ตามหัวข้อเลยค่ะ @_@

สวรรค์สุดขอบฟ้า แชงกรีล่าในใจคุณ
มนต์เสน่ห์แห่งเนปาล

ชีวิตเดินช้าที่พม่า
เวียดนามกลาง-ใต้
ซาปาและนาขั้นบันไดที่หยวนหยาง

ทุบกระปุกบุกเกาะชวา
บาหลีดินแดนแห่งเทพเจ้า

เขาสอยดาวใต้
Kangchenjunga Sikkim
เส้นทางสายบางตะบูน

           นายปัทมฯ  e-mail /msn : n_vand04@hotmail.com
                  mobilephone:081-694-0200 , 084-563-0782

ID LINE : ppn1972
               


สถิติเข้าชมบ้านสวนพชร

จำนวนผู้มาเยี่ยมสวนพชร

- Designed by EZwpthemes Drupalized by Azri Design