ป้าอ้อหลบร้อนจากเมืองไทยไปสิขิม (Sikkim) ตอนนี้สิขิมผนวกเป็นรัฐหนึ่งของประเทศอินเดีย แต่อย่ามาถามป้าอ้อนะว่า กังต๊อก เมืองหลวงของรัฐสิขิมนี่เป็นยังไง รวมถึงยุมถัง ลาซุง ป้าอ้อไม่รู้อ่ะ งานนี้ไปเดินเทรค อย่างเดียว 8 วัน ตัดขาดจากโลกภายนอกเข้าไปนอนแช่แข็งอยู่ในตู้เย็นธรรมชาติใบใหญ่มหึมา อุณหภูมิในเต็นท์ -4 องศาเซลเซียส
อุปกรณ์เดินทางของป้าอ้อที่ขาดไม่ได้ สมุดบันทึกและพาสปอร์ท
Kangchenjunga เป็นยอดเขาที่สูงอันดับที่ 3 ของโลก ในเทือกเขาหิมาลัย
- ยอดที่สูงที่สุดคือ everest
- อันดับที่ 2 คือยอด K2
- อันดับที่3 คือยอดนี้แหละค่ะ Kangchenjunga
เราไม่ได้ไปปีนพิชิตยอดแบบในสารคดีนะคะ ความสามารถไม่พอ พวกนั้นต้องอึดจริงๆ เหมือนคราว ITV ทำนั่นแหละค่ะ ป้าอ้อนี่จะป่วยเมื่อความสูงประมาณ 3500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ต้องใช้ยา diamox ช่วย ไม่งั้นร่วงไปตั้งแต่แคมป์วันที่สองแล้ว
ช่วงแรกๆ อากาศเย็นจัด แค่เย็นจัดนะคะ ทางเดินสวยผ่านดงดอกแมกโนเลียเต็มไปหมด ป้าไปจังหวะไม่ดี กุหลาบพันปียังไม่บาน ไม่งั้นทางเดินเทรคจะเต็มไปด้วยดงกุหลาบพันปี
เส้นทางและวิธีการจัดการทริปเทรคของเนปาลและสิขิมต่างกัน ที่เนปาลจะคล้ายๆ กับภูกระดึง คือมีร้านค้าให้เราแวะซื้อกาแฟ ชา แป๊บซี่ โค๊ก ได้ตลอดทาง แต่ว่าการเทรคที่สิขิมโหดกว่า คือ ไม่มีอะไรเลย บ้านคนก็ไม่มี guesthouse ก็ไม่มี เอเจนซี่จะใช้วิธีการขนของทั้งหมด ถ้วย จาน โต๊ะกินข้าวพลาสติก เต็นท์ ฯลฯ ไปกับขบวน Yak เดินทางไปพร้อมกับนักท่องเที่ยว ทริปป้าอ้อมีทั้งหมด 6 คน เราจะมี Yak จำนวน 8 ตัว guide 1 คน คนดูแลเจ้า Yak 1 คน กุ๊กที่ได้รับใบอนุญาติ 1 คนและคนงานอีก รวมๆ แล้วทั้งหมด 6 คน + guide เป็น 7 คน เดินไปเป็นขบวนคาราวาน ดูเอิกเริกดีเหมือนกัน
หน้าตาเจ้า Yak จริงๆ แล้ว ทีนี่เค้าไม่เรียก Yak นะ เท่าที่ป้ารู้และก็ไม่ใช่พันธุ์แท้ด้วย ตัวที่พันธุ์แท้ๆ จะขนยาวมาก พันธุ์นี่น่าจะมีชื่อเฉพาะว่า Dzo ประมาณนี้แหละค่ะ คือผสมระหว่าง Yak + วัว เพราะถ้าเป็นเจ้าพันธุ์แท้ๆ มันจะไม่ชอบที่ต่ำๆ ชอบอยู่บนที่สูงสี่พันเมตร ในรูปหิมะตก คนดูแลจะห่มผ้าให้มันแบบนี้แหละค่ะ
วิวระหว่างทางก็จะเห็นภูเขาหิมะ บางวันเราก็ต้องเดินลุยบนหิมะ เล็กน้อย ไม่ถึงกับต้องใช้รองเท้าแบบพิเศษแต่ก็เย็น จนไม่อยากทำอะไรเหมือนกัน
เป็นหมู่บ้านสุดท้าย พอเราเดินเข้าไปในหุบเขา ไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ เราก็จะไม่เจอหมู่บ้านแล้ว มีกระท่อมที่สร้างไว้บางแคมป์ สำหรับนักท่องเที่ยวเป็นกระท่อมจริงๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น
หิมะตกขาวโพลนไปหมด ป้าอ้อไม่เก่งหรอกนะคะ เพราะว่าหนาวมาก หนาวจนไม่อยากทำอะไร มีบางวันต้องตื่นตีสี่เพื่อปีนเขาขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ป้าอ้อไม่ไปหรอก นอนดีกว่า
บางที่เป็นกระท่อมแบบนี้แหละค่ะ ไว้ให้เราพัก ไม่มีเตาผิง มีกระท่อมจริงๆ
บางแคมป์ในบางคืน เราก็นอนเต็นท์สีฟ้านี่แหละค่ะ เต็นท์ละสองคน เต็นท์เค้าเจ๋งดีค่ะ ไม่มีหิมะหรือน้ำซึมสักนิดนึง ข้างในเป็นสองชั้น อันนี้ไม่เกี่ยวกับความอุ่นค่ะ บางคืน เทอร์โมมิเตอร์ดิ่ง -4 ซะงั้น
วันที่หิมะไม่ตก อากาศก็ยังเย็นเจี๊ยบอยู่แบบนั้น เป็นตู้เย็นใบใหญ่จริงๆ แดดออกวันละไม่เกินสามชั่วโมง แล้วหิมะก็โปรยปรายมาอีก
แคมป์สุดท้ายที่ Lamuney สูงประมาณ 4000 เมตร ฉากหลังคือยอด Pundim
แคมป์ Lamuney ในวันที่แดดสดใส ป้าอ้อนั่งกินกาแฟอยู่ แดดออก ป้า บอกว่า " I Love Sunshine"
ยอด Kangchenjunga....อันดับที่ 3 ของโลก สวยงามอลังการยามพระอาทิตย์สดใส
Kangchenjunga Mt.
ความคิดเห็น
ทริปแบบนี้ผมเองคงต้องฝึกขึ้นช่องเขาขาดท้ายสวนจงใจรักทุกวันก่อนไม่งั้นคงแย่แน่ๆเลยครับ เที่ยวแบบนี้คงต้องทำสวนให้เสร็จก่อนถึงมีเวลา หรือรอแบบเดินป่าและพักแรมที่ท้ายสวนดีไหมครับ
ทริปแบบนี้ผมเองคงต้องฝึกขึ้นช่องเขาขาดท้ายสวนจงใจรักทุกวันก่อนไม่งั้นคงแย่แน่ๆเลยครับ เที่ยวแบบนี้คงต้องทำสวนให้เสร็จก่อนถึงมีเวลา หรือรอแบบเดินป่าและพักแรมที่ท้ายสวนดีไหมครับ
บรรยากาศดีไหมหนูอยากไปด้วยคะ ถ้าทริปหน้าอย่าลืมชวนหนุไปด้วยนะเดี่ยวหนุรอป้าอยู่ตีนเขานะฮิๆๆๆ เพราะแพ้อากาศหนาวคะ แต่ดุรูปแล้วสวยมาก